แคลเซียม บํารุงกระดูก มีมากมายในปัจจุบัน จากข่าวที่ผ่านมา มีศิลปินดังท่านหนึ่ง จู่ๆ มีอาการเจ็บหน้าอก และตรวจพบว่าเป็น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ 80% ขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ทั้งที่ รักษาสุขภาพดีมาตลอด และผลตรวจเลือดก็ออกมาดี ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้ ก็ต้องบอกว่า โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ มีหลายปัจจัยมากมาย แม้ผลเลือดจะออกมาดี แต่ไม่ได้แปลว่า เราไม่มีโอกาสจะเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เพราะแม้ไขมันในเลือดต่ำก็จริง แต่อาจมีสิ่งอื่นไปเกาะผนังหลอดเลือดได้ เจ้าสิ่งนั้น คือ แคลเซียม นั่นเอง
แคลเซียม บำรุงกระดูก ดีหรือไม่ดี มีกี่แบบ
แคลเซียม บำรุงกระดูก สังเคราะห์มีมากมายในท้องตลาด ที่โหมโฆษณากันอยู่มากมาย เช่น แคลเซียม คาร์บอเนต / แคลเซียม ซิเทรต / แคลเซียม แอลทรีโอเนต ไม่ว่าจะบอกว่า แคลเซียมตัวนี้ดีอย่างไรก็ตาม แคลเซียมสังเคราะห์ล้วนมีอัตราการตกค้างไม่มากก็น้อย แม้จะบอกว่าดูดซึมได้ถึง 95% ก็ตาม ก็ต้องมีหินปูนตกค้าง 5% ทำให้ไตต้องทำงานหนักในการขับแคลเซียมตกค้างออก ที่เหลือก็จะวนเวียนอยู่ในกระแสเลือด และไปตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อ กลายเป็นนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือก้อนหินปูนในทรวงอก ถึงแม้ดูดซึมได้สูงแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ากินไปต่อเนื่องนานๆ ก็ต้องมีส่วนที่หินปูนสังเคราะห์จะตกค้างอยู่ในร่างกายของเราไม่มากก็น้อย คุณรู้สึกสบายใจได้เหรอ เพราะคุณกำลังสะสมหินปูนอยู่ในร่างกายของคุณอยู่นะ
โรคหัวใจ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้ แคลเซียม บำรุงกระดูก เกี่ยวข้องอย่างไร
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องจาก แคลเซียมสังเคราะห์ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือด หรือภาวะ Calcification เมื่อหลอดเลือดมีหินปูนเกาะ หรือที่เรียกว่า Plaque สิ่งที่ตามมาคือ ไขมัน คลอเลสตอรอลที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดจะไปจับกับคราบหินปูนดังกล่าว ก่อตัวพอกพูนขึ้นจนเส้นเลือดตีบตันไปเรื่อยๆ และหากมี ลิ่มเลือด ลอยมาอุดช่องที่ตีบตันนี้เมื่อใด ก็นำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยทันที
แล้วเราควรจะเสริมแคลเซียม บำรุงกระดูก อย่างไรดี
ต้องบอกว่า คนไทยโชคดีมาก ที่มีแหล่งอาหารธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ด้วย แคลเซียม อยู่แล้ว แต่คนไทยไม่รู้ จึงไปเสียเงินซื้อ แคลเซียมสังเคราะห์ กินกันพร่ำเพรื่อ เพิ่มความเสี่ยงให้กับตนเองโดยไม่รู้ตัว เรียกได้ว่า คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวาย ก่อนที่จะเสี่ยงกระดูกหักด้วยซ้ำไป
แล้วแหล่ง แคลเซียม บำรุงกระดูก ธรรมชาติของคนไทย มีอะไรบ้าง
คนไทยมีแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ ที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว เช่น งาดำ นมสด กะปิ ปลาตัวน้อย กุ้งแห้ง และหลายคนยังไม่รู้ว่า ผักใบเขียวของคนไทยมีแคลเซียมสูงมาก เช่น ยอดแค ใบชะพลู ปวยเล้ง ใบยอ ผักกระเฉด สะเดา โหระพา คะน้า เป็นต้น ซึ่งแคลเซียมจากธรรมชาติเหล่านี้ ไม่ตกค้างอยู่ในร่างกายเลย แนะนำว่า อาหารการกินปกติของคนไทยก็มีดีอยู่แล้ว แถมยังปลอดภัย ราคาไม่แพงด้วย
แล้วเราควรมีตัวเสริมอะไรเพิ่มเติมอีก นอกจาก แคลเซียม บำรุงกระดูก
สิ่งที่ควรจะเสริม คือ วิตามินดี3 เพราะเป็นวิตามินที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติที่ลำไส้เล็กเข้าสู่ร่างกายผ่านทางกระแสเลือด วิตามินดี3 ได้มาจากแสงแดด โดย แสงแดด จะช่วยสังเคราะห์ ไขมันใต้ผิวหนังเปลี่ยนมาเป็น วิตามินดี 3 เก็บไว้ที่ตับ แต่เป็นที่น่าเสียดาย คนไทยส่วนใหญ่ ขาดวิตามินดี3 โดยไม่รู้ตัว
ทำไมล่ะ ประเทศไทยแสงแดดดีจะตาย
ก็เพราะประเทศไทยแสงแดดดีมาก แต่แรงเกินไป จนคนไทยกลัวแสงแดด กลัวผิวเสีย กลัวตัวดำ ก็จะไม่อยากโดนแสงแดด หลบอยู่ในตัวอาคาร ใส่เสื้อแขนยาวปิดตัว หรือทาครีมกันแดดป้องกันไว้ จนทำให้ขาดวิตามินดี3 โดยไม่รู้ตัว
ที่สำคัญ รู้หรือไม่ว่า ถ้าเราขาดวิตามินดี3 อยู่ ไม่ว่าเราจะทานอาหารแคลเซียมสูง หรือ กินอาหารเสริมแคลเซียมสังเคราะห์ก็ตาม ร่างกายก็จะไม่ดูดซึมแคลเซียมใดๆ เข้าสู่กระดูกได้เลย เท่ากับว่า การกินอาหารเสริมแคลเซียมของเราก็เปล่าประโยชน์ เสียเงินไปเปล่าๆ เพราะฉะนั้น เราควรได้รับการเสริมวิตามินดี3 ให้พอเพียง โดยการไปตากแสงแดดยามเช้า สัก 15-20 นาทีต่อวัน เวลาเดินไปไหนมา ก็หาโอกาสเดินกลางแดดเสียบ้าง ไม่ต้องหลบแดดแบบโดนไม่ได้เลย
สำหรับผู้ที่ใส่ใจบำรุงกระดูก แนะนำว่า เราควรทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และออกกำลังกายให้เพียงพอ เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกใหม่มาทดแทนเซลล์กระดูกที่เสื่อมลง การทานอาหารเสริมควรเลือกทานที่ได้สมดุล ปลอดภัยต่อร่างกาย อย่างเรื่อง แคลเซียม บํารุงกระดูก สังเคราะห์ ควรจะต้องระวังไว้ เนื่องจาก งานวิจัยในต่างประเทศได้ศึกษากันมาเป็นเวลานับสิบๆ ปี และผลการศึกษาออกมาสอดคล้องกัน แต่ที่ประเทศไทยไม่เคยมีการศึกษาเรื่องนี้ ทำให้คนไทยไม่ตระหนักถึงอันตรายแฝงของการทานแคลเซียมสังเคราะห์เยอะเกินไป
เห็นผู้สูงวัยบางคน ไปโรงพยาบาล ได้แคลเซียมแผงกลับมาเป็นกำๆ กินกันเป็นปี โดยกินแบบสบายใจว่ากระดูกเราจะแข็งแรงแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า คุณกำลังเก็บออมสะสมหินปูนเอาไว้ในผนังหลอดเลือดหัวใจทีละเล็กทีละน้อย คุณอาจตายด้วยโรคหัวใจวายได้ทุกเมื่อ ก่อนที่คุณจะกระดูกหักด้วยซ้ำไป อันไหนอันตรายกว่ากัน ก็ลองชั่งน้ำหนักดู
ฝากถึงผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกระดูกอย่างไร
สิ่งที่ควรจะเสริม คือ วิตามินดี3 เพราะเป็น วิตามิน ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม จากอาหารธรรมชาติที่ลำไส้เล็กเข้าสู่ร่างกาย ผ่านทางกระแสเลือด วิตามินดี3 ได้มาจากแสงแดด โดยแสงแดดจะช่วยสังเคราะห์ไขมัน ใต้ผิวหนังเปลี่ยนมาเป็น วิตามินดี 3 เก็บไว้ที่ตับ แต่เป็นที่น่าเสียดาย คนไทยส่วนใหญ่ ขาดวิตามินดี 3 โดยไม่รู้ตัว
ทิ้งท้ายสำหรับสุขภาพกระดูก
อยากให้คนไทยทาน แคลเซียม บํารุงกระดูก จากอาหารธรรมชาติให้เยอะๆ พยายามทานแคลเซียมสังเคราะห์ให้น้อยลง หรือหลีกเลี่ยงได้ให้เลี่ยงไปเลย เพราะแคลเซียมจากธรรมชาติก็เพียงพอสำหรับคนไทยแล้ว
เสริมวิตามินดี3 และแมกนีเซียมให้เพียงพอ และออกกำลังกายให้พอเหมาะ เท่านี้ เราก็จะมีสุขภาพกระดูกที่แข็งแรงได้แล้ว โดยไม่ต้องไปเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
แนะนำตัวช่วยเสริมตัวไหนดี นอกจาก แคลเซียม บํารุงกระดูก
ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร บอนเมด ไม่มีส่วนผสมของแคลเซียมสังเคราะห์ใดๆ สบายใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิด ภาวะหินปูนเกาะหลอดเลือด แน่นอน แต่บอนเมด เสริมด้วย แคลเซียม บํารุงกระดูก ธรรมชาติจากงาดำ มีวิตามินดี3 แมกนีเซียม พร้อมกับสารสกัดขมิ้นชัน วิตามินซี วิตามินเอ และ UC-II คอลลาเจนไทป์ทู เพื่อการบำรุงกระดูกของคุณอย่างปลอดภัย