โรคข้อเข่าเสื่อม กับอาการ ปวดเข่า ที่ไม่มีใครอยากจะเป็น

โรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อม กับอาการที่ตามมาเป็นพรวน

โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นอาการปวดที่เจ็บปวดทรมาน เรียกได้ว่า ใครไม่เคยเป็นจะไม่รู้พิษสงอาการปวดของโรคนี้ และคนที่เป็นโรคนี้อยู่มักจะเตือนคนอื่นว่า “ขอให้อย่าได้เป็นโรคนี้เลยนะ”  ที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่า ข้อเข่าเป็นข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย รับน้ำหนักและแรงกระแทกในการเคลื่อนไหว มีการใช้งานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าข้อต่อในจุดอื่นของร่างกาย  นั่นคือ เหตุผลสำคัญที่เราไม่ควรเพิกเฉยต่อสัญญาณอาการ ปวดเข่า ที่เกิดขึ้น เพราะหากทิ้งไว้นาน อาจถึงขั้นพิการถาวรได้เลยครับ

ข้อเข่าเสื่อม ไม่เพียงแต่จะสร้างความเจ็บปวดทรมานจากอาการปวดอักเสบที่สำแดงออกมา แต่ยังมีอาการทางกายภาพที่ไม่พึงประสงค์ตามมาด้วย เช่น

อาการเข่าทรุด เข่าอ่อน เวลาเดินแล้วเข่าจะพับลงเฉยๆ ต้องคอยจับพยุง ทำให้ขยาด ไม่กล้าเดินไกล บางครั้งทำให้พลาดล้มลง เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

เวลาเดินแล้วเข่าล็อกขยับไม่ได้ เข่าแข็ง กระดูกเข่าสบกัน จน ปวดเข่า กระดูกลั่น อย่างรุนแรง เดินไม่ได้

ปวดขัดบริเวณเข่า โดยเฉพาะช่วงตื่นนอน ต้องค่อยๆ จับขาพับ นั่งพัก กว่าจะยืนได้ ต้องใช้เวลานาน

ปวดเข่า ด้านใน ปวดเสียด เวลาขึ้นลงบันได มีอาการเข่าไม่มั่นคง

ข้อเข่าผิดรูป เข่าคดชนกัน เข่าโก่ง ขาเก ขางอ ขาชิดกัน เมื่อเข่าเสียสมดุล ยิ่งทำให้อาการเสื่อมรุนแรงขึ้นตามมา

อาการทางกายภาพของ โรคข้อเข่าเสื่อม เหล่านี้ส่งผลในการลดระดับคุณภาพชีวิต ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนที่เคยทำได้ตามปกติ ทั้งเรื่องการทำกิจวัตรประจำวัน การทำมาหากิน การใช้ชีวิตกับลูกหลาน ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต จนก่อให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย ขยาด เฉื่อยชา ขาดความมั่นใจ ซึมเศร้า หดหู่ ตามมาในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความรู้สึกที่ไม่อยากเป็นภาระต่อลูกหลาน เรียกได้ว่าส่งผลกระทบทั้งทางกายภาพและทางจิตใจ เป็นความทุกข์แบบสองต่อกันเลยครับ

โรคข้อเข่าเสื่อม

โรคข้อเข่าเสื่อม อาการ ปวดเข่า ภัยร้ายในผู้สูงวัย

เป็นอาการที่พบเห็นได้ชินตาในผู้สูงวัย จนแทบกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป  อาการ ปวดเข่า ของคนกลุ่มนี้มีสาเหตุหลักมาจาก โรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากการใช้งานหัวเข่ามาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพกร่อนลงของกระดูกอ่อน กระดูกข้อเข่า หมอนรองข้อเข่า รวมถึงเยื่อบุข้อเข่า และเส้นเอ็นรอบข้อเข่า รวมถึงน้ำไขข้อน้อยลง ทำให้เกิดการเสียดสีและสึกหรอมากยิ่งขึ้นอีก

กิจกรรมต่างๆ ของผู้สูงวัยมีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้เป็น โรคข้อเข่าเสื่อม เร็วขึ้น จนเกิดอาการปวดตามมา เช่น ผู้สูงวัยมักจะใช้เวลาเข้าวัดเข้าวา ศึกษาทางธรรมมากขึ้น ก็จะต้องนั่งสมาธิ นั่งพับเพียบ คุกเข่า หรือนั่งกราบ ซึ่งท่าทางเหล่านี้เป็นท่าที่ทำให้ ข้อเข่าพับ และหักมุมชิดกัน ทำให้กระดูกอ่อน ข้อเข่าสึกหรอ เร็ว  ท่านั่งยองๆ ปลูกต้นไม้ ซักผ้า หรือเล่นกับหลาน ก็เป็นท่าอันตรายที่ทำให้ผิวข้อบดเสียดสีกับกระดูกสะบ้ารุนแรงที่สุด ทำให้เร่ง ข้อเข่าเสื่อม เร็วขึ้นอีก  สังเกตได้ว่าหากนั่งในท่าเหล่านี้เป็นเวลานานๆ อาจรู้สึก ปวดเข่า ขาไม่มีแรง ตอนลุกขึ้นจนต้องใช้มือช่วยยันสิ่งรอบข้าง หรือต้องหาคนมาช่วยพยุงตัวขึ้น

ผู้สูงวัยมักจะมีแนวโน้มของปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ด้วย เพราะผู้สูงวัยจะเริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดี กินดีอยู่ดี สบายอกสบายใจ ไม่มีภาระความรับผิดชอบอะไรมากแล้ว ก็จะนัดพบปะสังสรรค์กับเหล่าเพื่อนฝูงอยู่บ่อย และที่สำคัญ เมื่ออายุมากขึ้น ระบบเมตาโบลิซึมหรือการเผาผลาญในร่างกายจะถดถอยลง ทำให้เผาผลาญพลังงานได้น้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นตามมา  และน้ำหนักตัวที่มากขึ้นนี้เองทำให้หัวเข่าต้องรับภาระน้ำหนักกดทับมากตามไปด้วย โดยน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมขึ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวเข่ารับภาระน้ำหนักถึง 4 กิโลกรัม  เราจึงมักเห็นผู้สูงวัยที่มีรูปร่างท้วมใหญ่ มักจะมีอาการ ปวดเข่า ขาไม่มีแรง ตามมาอย่างเห็นได้ชัด

อาการ ปวดหัวเข่า ในผู้สูงวัยมักส่งผลต่อกิจกรรมต่างๆ ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง และเมื่อ เข่าเสื่อม ขึ้นมา ก็ส่งผลไปสู่งข้อต่อจุดอื่นด้วย เช่น ผู้สูงวัยบางท่าน ข้อเข่าข้างขวาเสื่อม มีอาการ ปวดหัวเข่าข้างขวา ก็จะไม่กล้าลงน้ำหนักที่เข่าขวา จึงต้องเทน้ำหนักไปที่ขาซ้ายและเข่าซ้ายเสียส่วนใหญ่  เมื่อเข่าซ้ายถูกใช้งานหนักเป็นหลัก ก็ทำให้ข้อเข่าซ้ายเสื่อมเร็วขึ้น เกิดอาการ ปวดหัวเข่าข้างซ้าย ตามมา เกิดอาการปวดเข่าสลับข้างกันไปมา เพราะขาดสมดุล จนเข่าบวม เข่าอักเสบ พร้อมกันทั้งสองข้าง ทำให้ลุกเดินนั่งไม่ได้ตามปกติ เป็นภาระต่อการดำเนินชีวิต และต่อคนรอบข้าง

อาการ ปวดเข่า ภัยแฝงในวัยทำงาน

ในปัจจุบัน เราเริ่มเห็นคนเป็นโรคนี้มีอายุลดลงเรื่อยๆ แปลว่าอะไรครับ แปลว่าคนอายุ 30 ปีกว่าๆ ก็เริ่ม เป็น โรคข้อเข่าเสื่อม กันเร็วขึ้นแล้ว  ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้แม้ว่าคนวัยทำงานอายุยังไม่มาก ข้อเข่าไม่ได้เสื่อมสภาพจากอายุขัยก็จริง แต่ข้อเข่ากลับเสื่อมสภาพจากการใช้งานและการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะต่าง อาทิเช่น

  • ชอบใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงวัยทำงาน เพราะต้องดูดีไว้ก่อน  แต่หารู้ไม่ว่า การยืนบนรองเท้าส้นสูงทำให้น้ำหนักตัวเทไปทางด้านหน้าที่ปลายเท้า แทนที่น้ำหนักจะลงไปที่ส้นเท้า ทำให้ต้องเกร็งกระดูกสันหลังไว้ตลอด และจุดกดลงบนข้อเข่าผิดตำแหน่งไปจากธรรมชาติ ส่งผลให้ ข้อเข่าเสื่อม เร็วขึ้นกว่าปกติ
  • ชอบเล่นกีฬาที่มีการปะทะและมีการหักโหมใช้ข้อเข่าเยอะ เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล เนื่องจากต้องใช้การเคลื่อนไหวที่ข้อเข่าเป็นหลัก และมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บจากการปะทะสูงมาก โดยเฉพาะการล้มลงบนหัวเข่า  การบาดเจ็บที่ข้อเข่าซ้ำๆ เป็นประจำจะทำให้ ข้อเข่าเสื่อม ลงได้เร็วขึ้น เนื่องจากร่างกายต้องซ่อมแซมตัวเองหลังการบาดเจ็บ ทำให้โครงสร้าง ข้อเข่าหลวม และอาจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
  • การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ โดยการดื่มน้ำอัดลม 1 กระป๋องจะเพิ่มระดับฟอสฟอรัสในกระแสเลือดถึง 40 มิลลิกรัม ทำให้ร่างกายต้องดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูกเพื่อรักษาสมดุลฟอสฟอรัส นี่เองคือเหตุผลที่ว่า ทำไมคนที่ชอบดื่มน้ำอัดลมทุกวันจึงมีภาวะ กระดูกพรุน เร็วกว่าคนทั่วไป
  • การดื่มกาแฟเป็นประจำ ทำให้คาเฟอีนในกาแฟเข้าไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมจากอาหารที่เราทานเข้าไป  ไม่เพียงเท่านั้น คาเฟอีนยังช่วยขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะได้มากผิดปกติด้วย เรียกได้ว่า กีดกันให้ไม่ได้รับแคลเซียม แล้วยังขับไล่แคลเซียมออกไปอีก  งานวิจัยพบว่า คาเฟอีนในกาแฟหนึ่งแก้วขนาด 8 ออนซ์ทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมไปถึง 5 มิลลิกรัมเลยทีเดียว
  • น้ำหนักตัวที่เกินเกณฑ์ของคนวัยทำงานก็เป็นปัญหาเดียวกันกับที่พบในผู้สูงวัยด้วย โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากผิวข้อเข่าที่เป็นกระดูกอ่อนบางๆ หุ้มปลายกระดูกแต่ละชิ้นเสื่อมสภาพและบางลง  น้ำหนักตัวที่มากเกินเกณฑ์ทำให้มีแรงกดลงไปที่ผิวข้อเข่ามากขึ้น ผิวข้อเข่าก็จะถูกบดทำลาย สึกกร่อน และบางลงจนเสื่อมสภาพในที่สุด

โรคข้อเข่าเสื่อม รู้ได้ไว ป้องกันได้ก่อน

โรค ข้อเข่าเสื่อม ถ้าหากเรารู้ได้เร็ว ก็สามารถดูแลตนเอง ปรับพฤติกรรมท่าทาง และป้องกันไว้ได้แต่เนิ่น  ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู เพื่อประเมินว่า คุณเข้าข่ายเป็นโรคนี้แล้วหรือยัง

  • มีอาการ ปวดเข่า เสียวจี๊ด อยู่ข้างในข้อเข่า
  • อาการ ปวดเข่าดีขึ้นเมื่อได้พัก
  • มีอาการฝืดตึงข้อเข่าในตอนเช้า ประมาณ 30 นาทีหรือน้อยกว่า
  • มีอาการบวมรอบๆ ข้อเข่า
  • ข้อเข่าเหยียดได้ไม่สุด หรืองอได้ไม่สุด
  • มี อาการปวดเข่า แบบค่อยๆ เป็น ไม่ได้ปวดแบบฉับพลันขึ้นมาเลย
  • มีเสียงกรอบแกรบเวลาขยับข้อเข่า
  • ข้อเข่ามีขนาดที่โตขึ้น และรู้สึกแข็งขึ้น
  • มีอาการเข่าพับ ขาอ่อนแรง
  • มี อาการปวดเข่า มานานเกิน 4 สัปดาห์

หากคุณตอบว่า “ใช่” เกินกว่า 3 ข้อขึ้นไป คุณกำลังเข้าข่ายเป็น โรคข้อเข่าเสื่อม ในระยะเริ่มต้นแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน อาการปวดจะทวีระดับความเสื่อมสภาพเร็วขึ้น พร้อมกับอาการ ปวดเข่า ที่มากขึ้น ซึ่งอาจจบลงด้วยการผ่าตัด  แต่หากคุณมีแนวทางการดูแลรักษาข้อเข่าที่ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วน ทานอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงข้อเข่า และปรับพฤติกรรมท่าทางการใช้งานข้อเข่า ก็สามารถชะลอการเสื่อมสภาพ และกระตุ้นการฟื้นฟูข้อเข่าให้กลับมาดีขึ้นได้ด้วยวิธีปฏิบัติทางธรรมชาติ

สำหรับโรคนี้ คุณไม่จำเป็นต้องทนทรมานกับอาการปวดตลอดเวลา และไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการผ่าตัดเสมอไป  ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้สูงวัย วัยทำงาน หรือผู้ที่ช่วยดูแลคนที่เป็นโรคนี้อยู่ หากคุณรู้วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง คุณสามารถชนะโรค ข้อเข่าเสื่อม ได้แน่นอนครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *