ปวดหลัง เป็นอาการหนึ่งที่ผู้คนเป็นกันมากเหลือเกิน และเป็นกันบ่อย พอๆ กับการปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเป็นไข้เลยทีเดียว ทุกคนคงเคยปวดหลังกันมาแล้ว หรืออาจกำลังปวดอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่คนสูงวัยเป็นกันบ่อย แต่ยุคสมัยนี้ คนวัยทำงานกลับเป็นกันเยอะมากจนน่าตกใจ เนื่องจากการใช้ร่างกายอยู่ในออฟฟิศมากจนเกินพอดี โดยเฉพาะอาการ ปวดหลังส่วนล่าง เนื่องจากการนั่งทำงานผิดท่าทาง
ปวดหลัง อาจมีต้นเหตุหรือโรคที่เกิดขึ้นที่ เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง หรือข้อกระดูกสันหลัง บางทีอาจมีโรคของอวัยวะอื่นที่อยู่ในตำแหน่งตรงกับจุดของอาการปวดหลังก็ได้
ถ้าปวดหลัง ต้องเข้าใจสรีระก่อน
กระดูกสันหลังของคนเราประกอบด้วยกระดูกทั้งหมด 26 ท่อน บริเวณคอมี 7 ท่อน บริเวณหลังส่วนอก 12 ท่อน บริเวณหลังส่วนบั้นเอว 5 ท่อน บริเวณก้น 1 ท่อน และกระดูก้นกบอีก 1 ท่อน กระดูกทั้งหมดเรียงกันลงมาตามแนวยาวของลำตัว เรียกว่ากระดูกสันหลัง
แนวของกระดูกสันหลัง ไม่ได้เป็นแนวตรงลงมา แต่จะมีแนวที่โค้งไปมาเป็นระยะๆ โดยเริ่มต้นมีกระดูกต้นคอโค้งมาทางด้านหน้า พอถึงบริเวณสันหลังจะเปลี่ยนแนวโค้งมาทางด้านหลัง ในบริเวณบั้นเอวจะกลับเปลี่ยนแนวเป็นโค้งมาทางด้านหน้า และบริเวณก้นก็จะโค้งไปทางด้านหลังอีก โดยการเปลี่ยนแนวโค้งไปมาเช่นนี้ ตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแนวนั้น จึงมักเป็นตำแหน่งที่รับแรงกดจากน้ำหนักตัวมากที่สุด และเกิดอันตรายได้ง่ายกว่าส่วนอื่นของกระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลังถูกวางเรียงต่อกันลงมาโดยมีข้อต่อที่จะช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนท่าทางได้ ระหว่างกระดูกที่มาต่อเป็นข้อนั้น ในแต่ละข้อจะมีแผ่นเบาะกระดูกอ่อนที่เรียกกันว่า “หมอนรองกระดูก” สอดอยู่ภายในข้อ เสมือนเบาะรองรับการกระทบกระเทือนของกระดูก และกระดูกทั้ง 26 ข้อนั้นจะเรียงตัวอยู่ได้โดยการผูกพันอยู่โดยรอบด้วย พังผืด เอ็น และกล้ามเนื้อของหลัง ดังนั้น ถ้าหากเกิดความผิดปกติอย่างใดของกระดูก ข้อกระดูก พังผืด เอ็น หรือกล้ามเนื้อ ก็จะเกิดอาการเจ็บปวดหลังได้
ทำไมบางคนปวดหลัง แต่บางคนไม่เป็นเลย
กระดูกสันหลังของชายและหญิงจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะในบริเวณบั้นเอวและสะโพก บริเวณก้นของผู้หญิงจะโค้งไปด้านหลังมากกว่า และตัวกระดูกเชิงกรานเอนลาดมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจึงมักปวดหลังบริเวณก้นกบหรือกระเบนเหน็บมากกว่าผู้ชาย เวลาตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะปวดเมื่อยหลังและบั้นเอวได้มากกว่า
คนที่มีขาข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง เวลายืนจะมีตัวเอียง เวลาเดินจะโยกตัว กระดูกเชิงกรานจะเอียงไปด้านขาข้างสั้น เมื่อกระดูกสันหลังต้องเอียงไปข้างหนึ่ง ก็จะทำให้กล้ามเนื้อข้างหนึ่งเกร็งตึงมาก อาจมี อาการปวดหลังข้างขวา หรือ อาการปวดหลังข้างซ้าย ข้างหนึ่งข้างใดอยู่บ่อยๆ
แปลกที่ไม่ค่อยมีใครคิดถึง คือ คนที่มีสายตาสั้น ยิ่งสั้นมากจะยิ่งปวดหลังได้มาก อาการปวดหลังเกิดขึ้นจากอะไร ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คนที่สายตาสั้นเวลาทำงานหรือเขียนอ่านหนังสือจะต้องก้มหน้าลงไปใกล้กับสิ่งที่จะมองเพื่อให้เห็นชัด กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อตัวเกร็งตึง หรืออาจเปลี่ยนท่าบ่อยๆ เมื่ออยู่ในท่าดังกล่าวนานๆ ก็จะปวดหลัง เด็กๆ ที่สายตาสั้นมักพบว่ามีอาการปวดหลังกันมาก และมักปวดกลางหลัง หรือปวดต้นคอด้วย
ผู้ที่ชอบนั่งหรือนอนในท่าตามสบาย ไม่ระวังให้อยู่ในท่าตรงที่ถูกต้อง แต่อยู่ในท่าผิดๆ จนเป็นนิสัย เช่น นั่งฟุบโต๊ะ นั่งหลังงอ นั่งท่าตะแคงตัว นอนคุดคู้ นานๆ เข้า ก็จะเป็นสาเหตุที่จะปวดหลังได้
ผู้ที่นั่งหรือนอนอยู่นานๆ มักจะเป็นคนที่มีสุขภาพไม่ค่อยจะสมบูรณ์ดี ไม่ค่อยได้ออกกำลัง หรือเป็นคนผอมมากๆ คนพวกนี้จะมีกล้ามเนื้อที่อ่อนกำลัง กล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรง เวลานั่งหรือยืนอยู่ในท่าผิดปกติก็จะมีอาการปวดหลังได้สูงมาก
เท้าที่มีรูปลักษณะผิดปกติ ก็อาจทำให้ปวดหลังได้ คนที่มีฝ่าเท้าแบนราบ ที่เรียกกันว่า มีเท้าเหมือนเท้าเป็ด เท้าไม่มีอุ้งเท้า มักจะมีอาการปวดหลังบริเวณบั้นเอวได้ง่าย ส่วนคนที่มีอุ้งเท้าโค้งสูงมาก ถ้าสวมรองเท้าที่ไม่มีส้น ก็จะทำให้ปวดหลังได้เช่นกัน
คนที่เจ็บป่วยอยู่นานๆ ระหว่างที่นอนป่วยอยู่ บางคนชอบนอนในท่าชันเข่าอยู่ตลอดเวลา หรือ นอนตะแคงงอขางอตัวอยู่นานๆ เอ็นและกล้ามเนื้อสะโพกและเข่าจะค่อยๆ หดตัวตึงมากขึ้นทุกที ทำให้ต้นขางอและเข่างอ ต้องนอนตะแคงงอขาตลอดเวลา เมื่อฟื้นไข้ ถึงเวลาจะลุกยืนเดิน แต่ขาเหยียดตรงไม่ได้ เวลาจะยืนต้องก้มตัวลงจึงจะยืนและเดินได้ การที่ต้องอยู่ในท่าตัวงอหลังงอเช่นนั้นจะปวดหลังได้สูงมาก
อาชีพหลายประเภทอาจทำให้เจ้าของอาชีพนั้นปวดหลังได้ง่าย โดยอาชีพทำให้ต้องอยู่ในท่าผิดปกตินานๆ พวกข้อต่างๆ เช่น ข้อเข่า ข้อสะโพก และข้อกระดูกสันหลังต้องรับน้ำหนักตัวในท่าที่ผิดปกติ หรืออาชีพนั้นทำให้กล้ามเนื้อและเอ็นของหลังเครียดมากๆ ก็จะมีอาการปวดหลังได้มาก คนที่ต้องยืนก้มหรือนั่งคุกเข่านานๆ ในเวลาทำงาน คนที่ต้องทำงานอยู่ในที่จำกัด เช่น ช่างแก้เครื่องยนต์ ที่ต้องนอนทำงานใต้ท้องรถ กรรมกรที่ต้องแบกหามของหนักๆ แม่บ้านทีต้องก้มๆ เงยๆ ยกของหนัก เกษตรกรที่ต้องขุดดิน พรวนดิน ยกต้นไม้หนักๆ เป็นต้น มักมีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดบั้นเอว ปวดขา ได้ง่าย
โรคที่เกี่ยวพันกับอาการปวดหลัง
มีโรคหลายโรคที่เป็นสาเหตุของการอาการปวดหลัง ส่วนมากเป็นพวกโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไทฟอยด์ ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือโรคใดก็ตามที่มีไข้สูงๆ ตัวร้อนมาก ก็จะมีปวดกล้ามเนื้อทั่วไป และปวดหลังปวดเอวได้ เมื่อไข้ลดก็จะทุเลาปวดลงไปเอง
ข้อกระดูกอักเสบจากโรคใดก็ตาม เช่น โรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ โรคเอสแอลดี หรือแพ้ภูมิตัวเอง จะมีอาการปวดหลังอย่างมาก บางโรคทำให้หลังแข็งคอแข็ง เอี้ยวตัวเอี้ยวคอไม่ได้ ก็มีปวดหลังตามมาด้วย
มะเร็งที่กระดูกสันหลัง ส่วนมากเป็นมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมไทรอยด์ หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก จะมีอาการปวดหลังอย่างมาก บางทีอวัยวะที่เป็นมะเร็งยังไม่ปรากฎอาการอย่างชัดเจนใดๆ แต่มะเร็งแพร่กระจายมางอกที่กระดูกสันหลัง ทำให้ปวดหลังช่วงเอว ปวดหลังลงสะโพก คิดว่าโรคอยู่ที่หลัง โดยคนไข้เองก็ไม่รู้ตัวว่ามีมะเร็งอยู่ที่อวัยวะอื่นอยู่ก่อนแล้ว
ต่อมพาราไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อ และฝังตัวอยู่ในเนื้อต่อมไทรอยด์ทางด้านหลังต่อม ถ้าต่อมเกิดความผิดปกติ โดยขับฮอร์โมนออกมามากเกินไป จะทำให้แคลเซียมละลายตัวออกมาจากกระดูก เมื่อกระดูกมีแคลเซียมน้อยลง กระดูกสันหลังจะอ่อนและยุบตัวแบนลง กระดูกสันหลังผิดรูปไป ก็จะปวดหลังได้
กระดูกสันหลังหักจากการหกล้ม หรือตกจากที่สูงเอาก้นกระแทกพื้น กระดูกสันหลังหักจะปวดหลังอย่างรุนแรงมาก ถ้าไขสันหลังถูกทำลายจะมีอาการอัมพาตครึ่งท่อนล่าง มีหลายรายที่ได้รับการรักษาไม่ถูกต้อง เมื่อกระดูกสันหลังที่หักติดดี และไม่เป็นอัมพาต แต่ก็จะปวดหลังตลอดชีวิตอยู่เสมอ
คนที่มีกล้ามเนื้อและเอ็นที่หลังไม่แข็งแรงดี จะปวดหลังได้ง่าย เพียงแต่เอี้ยวตัว ก้มตัวเล็กน้อยก็จะรู้สึกยอก และปวดหลังไปอีกหลายวัน มีบางคนเพียงแค่จามก็จะปวดหลังทันที
มีโรคหนึ่งที่ทำให้ปวดหลังมาก โดยเฉพาะปวดบั้นเอว บางทีปวดร้าวไปถึงขา ก็คือ การมีหมอนรองกระดูกเคลื่อนหลุดออกมาจากข้อกระดูกสันหลัง หรือมีหมอนรองกระดูกแตก ทำให้อาจปวดหลังมากจนอาจต้องผ่าตัดเอาหมอนรองกระดูกออก
บางคนที่เกิดมามีกระดูกสันหลังผิดธรรมดา เช่น มีกระดูกสันหลังเกิน 26 ท่อน หรือน้อยกว่า 26 ท่อน ทำให้การเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังผิดไปจากปกติ เป็นเหตุให้มีอาการปวดหลังได้มากเช่นกัน
มีโรคบางโรคซึ่งไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นที่หลัง แต่เกิดขึ้นที่อวัยวะอื่น แต่มาปวดที่หลัง เช่น แผลกระเพาะอาหาร จะมีปวดร้าวมาปวดหลัง โรคต่อมลูกหมากโต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ แม้แต่ริดสีดวงทวารหนัก ก็อาจมีอาการปวดหลังตรงกลาง ปวดหลังส่วนล่างได้
ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างของโรคที่มีอาการปวดหลัง ดังนั้น เมื่อมีอาการปวดหลัง ปวดเอว อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาและมีเพียงโรคเดียว ปวดหลังเป็นอาการของโรคหลายโรค มีทั้งโรคเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงโรคร้ายที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เมื่อจะรักษาอาการปวดหลัง จะต้องตรวจหาให้รู้ต้นเหตุหรือโรคที่มีอาการปวดหลังนั้น และรักษาที่ต้นเหตุของโรคนั้นๆ เลยจะดีที่สุด