7 ข้อต้องระวัง อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้

อาการกระดูกทับเส้นประสาทหลัง เป็นโรคที่เกิดจากหมอนรองกระดูกที่อยู่บริเวณกระดูกสันหลังถูกทำลายจนเสียหาย ส่งผลให้หมอนรองกระดูกแตก และกระดูกอ่อนส่วนที่อยู่ภายในหมอนรองกระดูกโผล่ออกมากดทับเส้นประสาท ซึ่งอยู่ด้านหลังหมอนรองกระดูก จึงทำให้มีอาการปวดเฉพาะที่ เช่น ปวดหลังไม่หาย ปวดบริเวณเอวด้านล่างลงมาถึงสะโพก หรือมักจะมีอาการปวดที่ต้นขาด้านหลัง ในกรณีที่มีการกดทับเส้นประสาทผู้ป่วยจะมีอาการปวดขา อาการชา อ่อนแรง หรือเจ็บบริเวณแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ เมื่อมีการกดทับมากขึ้นอาการปวดก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เช็กด่วน! 7 ข้อ ที่ต้องระวัง มีอะไรบ้าง

คุณกำลังมีอาการปวดหลังอยู่หรือไม่ เรามาเช็กกันว่าอาการหรือพฤติกรรมที่ควรระวังมีอะไรบ้าง เพราะสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้นอาจจะกำลังบ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการเป็นโรค กระดูกทับเส้น อยู่ก็เป็นได้ กับ 7 ข้อที่ควรระวังดังต่อไปนี้

1. นอนหลับ หรือทำกิจกรรมด้วยท่าที่ไม่เหมาะสม

การนอนขดตัว การนอนหดแขนขา ก็มีผลให้กระดูกสันหลังบิดงอ ผิดรูปได้เช่นกัน และอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อได้ รวมถึงการทำกิจกรรมบางท่าก็มีผลต่อกระดูกสันหลังได้ อย่างเช่น การนอนคว่ำเพื่ออ่านหนังสือ มีผลทำให้กระดูกสันหลังแอ่นผิดปกติ จึงก่อให้เกิดผลการปวดหลังและคอ

2. สูบบุหรี่จัด

การสูบบุหรี่ไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ แต่จริง ๆ แล้วเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคได้ด้วยเช่นกัน เพราะการสูบบุหรี่ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงหมอนรองกระดูก หรือกระดูกสันหลังไม่ดี จึงทำให้ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพของการทำงานลดลง

3. ถือหรือแบกสิ่งของหนักเกินไป

การถือหรือการแบกสิ่งของต่าง ๆ ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะและบ่อย ๆ ก็มีอีกหนึ่งข้อควรระวังที่จะทำให้เกิดกล้ามเนื้อมัดที่เกี่ยวข้องถูกใช้งานตลอดเวลา จึงส่งผลทำให้เกิดอาการปวดไหล่ เนื่องจากกล้ามเนื้อและกระดูกต้องรับน้ำหนักในปริมาณที่มากอยู่บ่อย ๆ เป็นเวลานาน ซึ่งอาจมีผลร้ายแรงถึงขั้นกระดูกคดงอได้ด้วย

4. สวมใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน

การสวมรองเท้าส้นสูงในการทำงานบ่อย ๆ ทุกวัน เป็นประจำเวลานานนอกจากกจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเท้าแล้วก็ยัง อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากความผิดปกติของแนวกระดูกสันหลัง เพราะการที่เราต้องอยู่ในลักษณะของการยืนเขย่งเท้าตลอดเวลาทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้ง่ายนั่นเอง

5. ขาดการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

รู้หรือไม่ว่าเมื่อคนเราขาดการออกกำลังเป็นเวลานาน จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อลีบ ฝ่อลง ซึ่งทำให้มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บบริเวณหมอนรองกระดูกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากเป็นไปได้หรือพอมีเวลา การเล่นกีฬาเบา ๆ หรือการขยับร่างกายเป็นประจำ ก็มีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นได้ อีกทั้งยังทำให้ชะลอความเสื่อมของหมอนรองกระดูกบริเวณสันหลังได้ดีอีกด้วย

6. การมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน

การมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐานหรือน้ำหนักเกินโดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่อยู่ในภาวะอ้วน มักจะมีผลให้หลังต้องรับน้ำหนักมากเรียกว่าจะต้องทำเงินตลอดเวลานั่นเองจึงเป็นเหตุให้เกิดภาวะหลังแอ่น กระดูกสันหลังส่วนล่างต้องทำหน้าที่รับน้ำหนักตลอดเวลา จนนำไปสู่ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม แตก หรือปลิ้นได้ง่ายกว่าคนที่มีรูปร่างสมส่วน จึงควรหมั่นควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ตลอดเวลาจะดีกว่า

7. นั่งทำงานเป็นเวลานาน

สำหรับใครที่เป็นพนักงานออฟฟิศที่ต้องทำงานหน้าคอมเป็นเวลานาน ๆ ทั้งวัน แทบจะไม่มีเวลาลุกขึ้นเดินไปไหน มาไหนเพื่อเป็นการยืดกกล้ามเนื้อ หรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถเลยนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่จะทำให้คุณ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ง่ายเช่นกัน หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการนั่งนาน ๆ หมั่นลุกเดินบ่อยๆ

กระดูกทับเส้น บรรเทาได้ด้วยบอนเมดเอส ดีอย่างไรมาดูกันเลย

วิธีแก้ปวดหลังปวดเอว หากไม่ได้เป็นอาการที่รุนแรง คุณสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการทาน บอนเมดเอส ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่สามารถดูแลครบเครื่องทั้งเรื่องของกระดูก หมอนรองกระดูก เส้นประสาท กล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง ดูแลไม่ให้กระดูกพรุน และเพิ่มความแข็งแรงช่วยให้กระดูกไม่เปราะบางได้ง่าย และยังช่วยบรรเทาอาการปวดต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น ปวดข้อ ปวดเข่า ปวดขา ปวดหลัง ปวดสะโพกร้าวลงขา อาการปวดหลังขาชา ปวดเอวกระดูกทับเส้นประสาท มีเสียงลั่นดังกรอบแกรบเวลาเคลื่อนไหว การทานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำจะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

ดังนั้นหากรู้ตัวเองว่ากำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจะเกิดโรคต่างดังกล่าวได้ คุณควรที่จะดูตนเองให้ดีหมั่นทานอาหารเสริมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ข้อกระดูก หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดอาหการปวดหลังดังกล่าว และหากรู้สึกว่าเป็นอาการปวดที่รุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคพร้อมกับรับการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีกว่าเพื่อการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงต่อไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *